ในยุคที่สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์หลักในการใช้งานอินเทอร์เน็ต การเทรดคริปโตบนมือถือจึงกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ไม่เว้นแม้แต่การเทรดบนกระดานเทรดยักษ์ใหญ่อย่าง Binance ที่ก็มีแอปพลิเคชันมือถือให้บริการเช่นกัน
ข้อดีของการเทรด Binance ผ่านมือถือคือ สามารถซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่พลาดโอกาสทำกำไรจากความผันผวนของราคา แถมยังสะดวกรวดเร็ว ใช้งานง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่
ดังนั้น สำหรับใครที่อยากจะเข้ามาเทรด Binance บนมือถือ เรามีขั้นตอนการใช้งานมาแนะนำกัน ตั้งแต่การสมัครบัญชี ไปจนถึงเคล็ดลับเพิ่มความปลอดภัยในการเทรดผ่านแอป

ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดแอป Binance
ก่อนอื่น เราต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Binance ก่อน โดยเข้าไปที่ App Store (iOS) หรือ Google Play Store (Android) แล้วค้นหาคำว่า “Binance” จากนั้นเลือกแอปที่มีชื่อว่า “Binance: Buy Bitcoin Securely” ดูให้แน่ใจว่ามีเครื่องหมายถูกสีเขียวกำกับอยู่ข้างชื่อ เพื่อยืนยันว่าเป็นแอปที่แท้จริงจาก Binance
เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ให้เปิดแอปขึ้นมาครั้งแรก จะพบกับหน้าต้อนรับ ให้กดปุ่ม “Register” ที่มุมขวาบนเพื่อเริ่มสมัครบัญชี
ขั้นตอนที่ 2 สมัครบัญชี Binance
- เลือกประเทศที่คุณอยู่ในปัจจุบัน
- ป้อนที่อยู่อีเมลและรหัสผ่านที่ต้องการใช้ โดยรหัสผ่านต้องมีอย่างน้อย 8 ตัวอักษร ประกอบด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษอย่างน้อย 1 ตัว เพื่อความปลอดภัย
- ป้อนรหัสคำเชิญ (Referral ID) หากมี หรือข้ามไปได้เลย
- อ่านและยอมรับข้อตกลงการใช้งาน
- พิสูจน์ว่าคุณไม่ใช่หุ่นยนต์ด้วยการลากเลื่อน Slider และทำตามภาพที่กำหนด
- คลิก “Create Account” เพื่อสร้างบัญชีใหม่บน Binance
เมื่อสมัครเสร็จ ระบบจะส่งอีเมลยืนยันตัวตนไปยังอีเมลที่คุณป้อน ให้คลิกลิงก์เพื่อยืนยันตามขั้นตอนในอีเมล จากนั้นก็สามารถเข้าสู่ระบบบน Binance App ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 3 ยืนยันตัวตน (KYC)

การยืนยันตัวตนหรือที่เรียกว่า KYC (Know Your Customer) เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อปลดล็อกความสามารถบางอย่างของบัญชี เช่น การฝากถอนเงินบาทโดยตรง การเพิ่มวงเงินซื้อขาย เป็นต้น
โดยการทำ KYC บนแอป Binance มีขั้นตอนดังนี้
- เข้าไปที่เมนู “Profile” ในแอป
- เลือกเมนูย่อย “Identity Verification”
- เลือกประเภทบัญชีที่ต้องการยืนยัน โดยจะมีให้เลือก 2 ระดับคือ “Verified” (ยืนยันพื้นฐาน) กับ “Verified Plus” (ยืนยันระดับสูงสุด)
- ยืนยันตัวตนตามขั้นตอนที่กำหนด โดยอัปโหลดรูปถ่ายเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (Passport) เป็นต้น
- รอการตรวจสอบจากทีมงาน Binance จนกว่าสถานะบัญชีจะเปลี่ยนเป็น “Verified”
ขั้นตอนการทำ KYC อาจต่างกันไปบ้างในแต่ละประเทศ โดยคนไทยที่ต้องการถอนเงินเป็นสกุลบาทโดยตรง จำเป็นต้องทำ KYC ระดับ Verified Plus เพิ่มเติมกับทาง Binance Thailand
ขั้นตอนที่ 4 ฝากเงินเข้าบัญชี
เมื่อยืนยันตัวตนผ่านแล้ว จะสามารถทำการฝากเงินเข้ามายังบัญชี Binance ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เข้าไปที่เมนู “Wallets” ในหน้าหลักของแอป
- กดที่แท็บ “Fiat and Spot”
- กดปุ่ม “Deposit” ที่มุมขวาบน
- เลือกเหรียญที่ต้องการฝากเข้ามา เช่น Bitcoin, USDT, Busd เป็นต้น
- เลือกเครือข่ายการโอน (Network) ให้ตรงกับที่เราจะโอนจากกระเป๋าภายนอก
- คัดลอกที่อยู่กระเป๋า (Address) และรหัส MEMO (ถ้ามี) ไปวางยังกระเป๋าต้นทางที่ต้องการโอน
- ระบุจำนวนที่ต้องการโอน แล้วส่งธุรกรรม
- รอเงินเข้าบัญชี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5-30 นาที ขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่เลือก
หากต้องการซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต/เดบิต หรือโอนเงินบาทผ่านธนาคาร สามารถทำได้ที่เมนู “Buy Crypto” ในหน้าหลัก (สำหรับบัญชีที่ผ่าน KYC แล้วเท่านั้น) แต่จะมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าปกติ
ขั้นตอนที่ 5 วิธีการเทรดบนแอป Binance
ในหน้าหลักของแอป เราสามารถเข้าไปซื้อขายคริปโตได้ทันทีที่เมนู “Markets” ซึ่งเป็นการเทรดแบบสปอต โดยมีขั้นตอนการใช้งานดังนี้
- เลือกคู่สกุลเงินที่ต้องการซื้อขาย เช่น BTC/USDT, DOGE/BUSD เป็นต้น
- กดเข้าไปที่รายละเอียดคู่เทรด จะเห็นหน้าจอแบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ
- ด้านบน: กราฟแสดงราคาและปริมาณการเทรด
- ด้านซ้าย: ประวัติการซื้อขายที่ผ่านมา
- ด้านขวา: ช่องกรอกจำนวนเงินและราคาที่ต้องการซื้อ/ขาย
- ด้านล่าง: ตารางแสดงความลึกของราคา (Depth Chart)
- ในส่วนของการส่งคำสั่งเทรด สามารถเลือกประเภทได้ 4 แบบ ดังนี้
- Market: ซื้อหรือขายที่ราคาตามตลาด
- Limit: ซื้อหรือขายที่ราคาที่กำหนด
- Stop-limit: ซื้อหรือขายเมื่อราคาเคลื่อนมาถึงระดับที่ตั้งไว้
- OCO (One-Cancel-the-Other): ตั้งราคาทั้งแบบ Limit และ Stop-limit คู่กัน เมื่อมีคำสั่งด้านใดด้านหนึ่งทำงาน อีกคำสั่งจะถูกยกเลิกอัตโนมัติ
- ใส่จำนวนเหรียญ (Amount) ตามที่ต้องการ หรือคลิกที่ % เพื่อใช้งบแบบสัดส่วน
- ตรวจสอบราคาและค่าธรรมเนียมให้ถูกต้อง แล้วคลิกปุ่ม “Buy” หรือ “Sell” เพื่อส่งคำสั่ง
นอกจากการเทรดแบบสปอตแล้ว เรายังสามารถเข้าไปเทรดแบบ Futures, Margin หรือ P2P ได้จากเมนูหลักของแอป ซึ่งจะมีขั้นตอนการใช้งานคล้ายๆ กัน เพียงแต่มีความซับซ้อนและความเสี่ยงที่สูงกว่า จึงควรศึกษาให้ดีก่อนใช้งาน
เคล็ดลับการใช้งาน Binance App อย่างปลอดภัย

- ใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก ไม่ซ้ำกับที่อื่น และเปลี่ยนรหัสเป็นประจำ
- เปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) ด้วย Google Authenticator หรือ SMS
- เปิด Anti-phishing Code เพื่อป้องกันการถูกล่อลวงจากอีเมลปลอม
- อัปเดตแอป Binance เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ เพื่ออุดช่องโหว่และเสริมความปลอดภัย
- ตรวจสอบที่อยู่เว็บไซต์หรือลิงก์ก่อนจะทำการล็อกอิน เพื่อป้องกันการโดนฟิชชิ่ง
- ไม่ควรคลิกลิงก์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หากสงสัยให้พิมพ์ URL เข้าไปเองโดยตรง
- พิมพ์ URL ของ Binance ลงไปเอง เป็นการยืนยันว่าเราไม่ได้ติดตามลิงก์ปลอมมา
- อย่าแชร์รหัสผ่านหรือคีย์ส่วนตัวให้ใคร แม้ว่าอีกฝ่ายจะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จาก Binance ก็ตาม
- ถ้าใช้งานบนสมาร์ทโฟนสาธารณะ อย่าลืม Logout ออกจากระบบทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ
- หมั่นตรวจสอบธุรกรรมบนบัญชีอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติให้รีบแจ้ง Binance ทันที
โดยสรุปการเทรดคริปโตบนมือถือผ่านแอป Binance นั้นสะดวกรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน นอกจากจะต้องเรียนรู้การใช้งานแอปให้เชี่ยวชาญแล้ว ต้องมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยบัญชีของตนเองด้วย
แต่ถึงอย่างไร แอป Binance ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง หากเราดูแลรักษาบัญชีของเราอย่างดี ก็สามารถเทรดบนมือถือได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูงนี้ได้ทุกที่ทุกเวลา