ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์ของ Web3 และ Decentralized Applications (DApps) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีเหรียญ Cryptocurrency ที่เกี่ยวข้องกับ Web3 เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า มีเหรียญ Web3 ตัวไหนที่น่าจับตามอง และมีศักยภาพในการลงทุนในระยะยาวบ้าง
Ethereum (ETH)

Ethereum นับเป็น Blockchain ชั้นที่ 1 (Layer 1) ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในตลาด Crypto ปัจจุบัน ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้านเหรียญ Ethereum สามารถรันสมาร์ทคอนแทรคได้ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้าง DApps ต่างๆ บน Ethereum ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น DeFi, NFT, เกม Blockchain จนถึงโปรเจคใหม่ๆ ในโลก Metaverse
จุดแข็งของ Ethereum คือระบบนิเวศที่ใหญ่และแข็งแกร่ง มีนักพัฒนาและผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่ข้อจำกัดของ Ethereum คือปัญหาด้านความเร็วและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม (Gas Fee) ที่สูงในช่วงที่ Blockchain มีการใช้งานหนาแน่น
อย่างไรก็ตาม ทีมพัฒนา Ethereum ก็พยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ ผ่านการอัปเกรด Ethereum 2.0 ที่จะทำให้การประมวลผลเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจุดเด่นของ ETH 2.0 มีดังนี้
- เปลี่ยนจากระบบ Proof-of-Work (PoW) มาเป็น Proof-of-Stake (PoS) ทำให้ค่า Gas Fee ลดลง และประหยัดพลังงานมากขึ้น
- ใช้ระบบ Sharding ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลให้สูงขึ้นหลายเท่า
- รองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากได้พร้อมกัน (High scalability)
การอัปเกรด ETH 2.0 น่าจะช่วยให้ Ethereum ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาด Web3 ได้ต่อไปอีกนาน จึงถือเป็นเหรียญที่น่าสนใจในระยะยาว
Solana (SOL)
Solana เป็นอีกหนึ่ง Layer 1 ที่มาแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ Solana คือความเร็วในการประมวลผลที่สูงมาก โดยสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ในขณะที่ Ethereum ทำได้เพียง 15-45 TPS เท่านั้น
Solana ใช้ระบบ Proof-of-History (PoH) ในการตรวจสอบการทำธุรกรรม ซึ่งทำให้เวลาในการยืนยันแต่ละธุรกรรมเร็วกว่า Blockchain อื่นๆ ขณะเดียวกัน ค่าธรรมเนียมของ Solana ก็ถูกมาก โดยอยู่ที่ 0.00025 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม ซึ่งถูกกว่า Ethereum หลายสิบเท่า
ความเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ทำให้ Solana เหมาะสำหรับการพัฒนา DApps ที่ต้องการความเร็วสูงและมีจำนวนธุรกรรมมาก เช่น DeFi, DEX, และ Blockchain games โดย Solana ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนชั้นนำอย่าง Andreessen Horowitz และมีโปรเจคดังๆ มากมายอยู่บนเครือข่าย เช่น Serum, Raydium, Saber
ถึงแม้ Solana จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็ติด Top 10 ของ CoinMarKetCap แล้ว จึงเป็นอีกเหรียญที่น่าจับตามอง
Avalanche (AVAX)

Avalanche เป็น Layer 1 Blockchain ที่น่าสนใจอีกเหรียญ ซึ่งใช้กลไก Proof-of-Stake ในการตรวจสอบ และใช้เทคโนโลยี DAG ทำให้ทำธุรกรรมได้เร็วและปลอดภัย Avalanche สามารถรันสมาร์ทคอนแทรคได้หลายภาษา ทั้ง Solidity (เหมือน Ethereum) และ Python/Go อีกด้วย
Avalanche แบ่งการทำงานออกเป็น 3 Chains ได้แก่ Exchange Chain (X-Chain), Platform Chain (P-Chain), และ Contract Chain (C-Chain) โดยแต่ละ Chain จะมีหน้าที่เฉพาะทาง เช่น X-Chain ใช้สร้างและแลกเปลี่ยนโทเคน ส่วน C-Chain จะใช้รันสมาร์ทคอนแทรคและพัฒนา DApps
จุดเด่นอีกอย่างของ Avalanche คือสามารถเชื่อต่อกับ Blockchain อื่นๆ ได้ง่าย (Cross-chain interoperability) ทำให้สามารถส่งโทเคนหรือข้อมูลข้ามเครือข่ายได้สะดวก ส่งผลให้ Avalanche รองรับ DApps จาก Blockchain อื่นๆ ได้ดีทีเดียว
Polkadot (DOT)
Polkadot นั้นแตกต่างจาก Blockchain อื่นๆ เพราะมีการออกแบบสถาปัตยกรรมแบบ Multi-chain ที่เรียกว่า Parachain โดย Polkadot จะเป็นศูนย์กลาง (Relay Chain) เชื่อมต่อ Blockchain หลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน
Parachain แต่ละเครือข่ายจะมีความสามารถเฉพาะทางของตัวเอง เช่น ความเร็ว ความปลอดภัย หรือรองรับสมาร์ทคอนแทรคเฉพาะภาษา และจะสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือโทเคนกันได้ผ่าน Relay Chain
Polkadot ใช้ระบบ Nominated Proof-of-Stake (NPoS) ในการตรวจสอบและรักษาความปลอดภัย โดยจะมีผู้ตรวจสอบ (Validator) คอยยืนยันธุรกรรมบน Relay Chain และผู้ถือ DOT สามารถโหวตเลือกผู้ตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพได้ ซึ่งผู้ตรวจสอบจะได้รับรางวัลเป็น DOT เมื่อทำงานได้ดี
แนวคิดแบบ Multi-chain ของ Polkadot จะช่วยแก้ปัญหาการขยายตัว (Scalability) และความสามารถในการทำงานร่วมกัน (Interoperability) ระหว่าง Blockchain ได้ในระยะยาว ส่วน Parachain ก็จะช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ Blockchain ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านได้มากขึ้น จึงมีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมๆ กับตลาด Web3 ในอนาคต
Cardano (ADA)

Cardano เป็น Blockchain Layer 1 ที่พัฒนาโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการวิจัยและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และได้รับการตรวจสอบโดย Peer Review เพื่อความแม่นยำและปลอดภัย ทำให้ Cardano มีพื้นฐานที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ
Cardano ใช้ระบบ Proof-of-Stake ที่เรียกว่า Ouroboros ที่มีการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ว่าปลอดภัย ขณะเดียวกันก็สามารถปรับขนาดได้ (Scalable) และกินไฟน้อยกว่า PoW มาก
นอกจากนั้น ระบบ Extended-UTXO ของ Cardano ยังทำให้การพัฒนา DApps มีความยืดหยุ่นกว่า Account-based Model ของ Ethereum อีกด้วย พร้อมทั้งรองรับการเขียนสมาร์ทคอนแทรคได้หลายภาษา เช่น Plutus (Haskell), Marlowe (Domain-specific Language)
Cardano แบ่งเป็น 5 เฟสในการพัฒนา ได้แก่
- Byron – เปิดตัวบล็อกเชน
- Shelley – เพิ่มความกระจายศูนย์ (Decentralization) ด้วย PoS
- Goguen – เพิ่มการทำงานของสมาร์ทคอนแทรค
- Basho – เน้นการปรับขนาดและการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่าย (Scalability & Interoperability)
- Voltaire – ระบบการกำกับดูแลตนเอง (Governance) ของเครือข่าย
ปัจจุบัน Cardano อยู่ในเฟส Goguen ที่สามารถใช้สมาร์ทคอนแทรคได้แล้ว และเริ่มมีโปรเจค DApps ต่างๆ บนเครือข่ายมากขึ้น แม้จะเป็นโปรเจคที่ค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับ Ethereum แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต
โดยสรุปสำหรับการลงทุนใน Web3 นั้น นักลงทุนอาจเลือกกระจายการลงทุนในเหรียญดิจิทัลที่มีความแตกต่างและหลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตระยะยาว เนื่องจากแต่ละเหรียญมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ทั้งด้านความเร็ว ค่าธรรมเนียม ความสามารถในการรันสมาร์ทคอนแทรค และสถาปัตยกรรมการออกแบบ ในขณะเดียวกัน การเติบโตของ Web3 จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านจากระบบรวมศูนย์ไปสู่ระบบกระจายศูนย์ในหลากหลายด้าน โดยมีเทคโนโลยีบล็อคเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในด้านการเงิน Web3 และ DeFi จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งธนาคาร ในแง่ของข้อมูลดิจิทัล NFT ช่วยให้เราเป็นเจ้าของข้อมูลดิจิทัลต่างๆ อย่างแท้จริง เปิดโอกาสให้ผู้สร้างสรรค์สามารถสร้างรายได้และเกิดธุรกิจใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาด Web3 และคริปโตยังคงมีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยง ดังนั้นการลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ วางแผนอย่างระมัดระวัง และไม่ควรลงทุนเกินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แต่เมื่อมองในระยะยาว Web3 จะเป็นอนาคตของโลกออนไลน์และอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างแน่นอน การเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ ทั้งในฐานะผู้บริโภคและนักพัฒนา จะช่วยให้เรารับมือและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้เต็มที่ในอนาคต