เทรด spot คืออะไร

การเทรด Spot หรือการซื้อขายแบบทันที คือการซื้อขายสินทรัพย์ที่ราคาปัจจุบันในตลาด โดยมีการชำระเงินและส่งมอบสินทรัพย์ทันทีหลังจบการซื้อขาย ปกติภายใน 2 วันทำการ ซึ่งแตกต่างจากการเทรด Futures ที่เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กำหนดราคาและวันส่งมอบไว้ล่วงหน้า

Table of Contents

ลักษณะสำคัญของการเทรด Spot

ซื้อขายที่ราคาปัจจุบันในตลาด (ราคา spot)
ชำระเงินและส่งมอบสินทรัพย์ทันที โดยปกติภายใน 2 วันทำการ
เหมาะสำหรับการทำกำไรระยะสั้นจากการเปลี่ยนแปลงของราคา
สามารถเทรดได้ในหลากหลายสินทรัพย์เช่น forex, โลหะมีค่า, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น, ดัชนี และคริปโต
มักจะทำผ่านระบบออนไลน์ ไม่ได้มีการถือครองสินทรัพย์จริง
สามารถเทรดผ่าน CFD (Contract for Difference) เพื่อใช้เลเวอเรจเพิ่มผลกำไร แต่ก็ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย

ข้อดีของการเทรด spot

ความเรียบง่าย ซื้อขายราคาปัจจุบัน และจบธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว
ความโปร่งใส เนื่องจากมีการเปิดเผยราคาและข้อมูลแบบเรียลไทม์
มีความยืดหยุ่นในการถือครองสถานะการลงทุนได้ตามต้องการ
เข้าถึงได้ง่าย สามารถเทรดได้ผ่านระบบออนไลน์โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง
มีหลากหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุน

ข้อควรระวังในการเทรด spot

ไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดได้เหมือนกับ Futures
อาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระของคู่สัญญา เนื่องจากไม่มีการรับประกันการชำระเงินเหมือนกับ Futures
มีความเสี่ยงมากกว่าเนื่องจากซื้อขายราคาปัจจุบัน ซึ่งอาจสูงเกินไปและทำให้ขาดทุนได้
หากใช้เลเวอเรจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาก
มีค่าธรรมเนียมสวอปจากการถือสถานะ spot ข้ามคืน ค่าธรรมเนียมนี้อาจสูงกว่าการถือสถานะ Futures ในระยะยาว

ตลาดที่สามารถเทรด spot ได้

การเทรด Spot ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากสามารถซื้อขายสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท ทั้งคู่สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึงคริปโตเคอร์เรนซี ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสดีในการสร้างผลกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น ต่อไปนี้คือตลาดการเงินยอดนิยมที่สามารถเข้าไปร่วมเทรดได้ พร้อมทั้งข้อมูลสำคัญที่ควรทราบในแต่ละตลาด เพื่อเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจเลือกตลาดและสินทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุด

1. ตลาดฟอเร็กซ์ (Forex)

เป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูงมาก ผู้เทรดสามารถซื้อขายคู่สกุลเงินต่างๆแบบ spot ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตัวอย่างคู่สกุลเงินยอดนิยม เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY เป็นต้น โดยราคาจะขึ้นลงตามอุปสงค์อุปทานและปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสกุลเงินนั้นๆ

2. ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่นิยมเทรด spot ได้แก่ ทองคำ (XAU/USD) และน้ำมันดิบ (US Oil) โดยราคาจะถูกกำหนดจากอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจมหภาค การเมือง เป็นต้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ spot มีความผันผวนสูง จึงมีโอกาสทำกำไรในระยะสั้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

3. ตลาดหุ้นและดัชนี (Stocks & Indices)

การเทรด spot ในหุ้นและดัชนีทำได้โดยการซื้อขาย Contract for Difference (CFD) เพื่ออ้างอิงกับราคาหลักทรัพย์ในตลาดจริง โดยผู้เทรดไม่ได้ถือครองหุ้นจริง แต่จะได้กำไรขาดทุนจากส่วนต่างราคาเหมือนการเทรดจริง มีดัชนีชั้นนำจากทั่วโลกให้เทรด เช่น Dow Jones, S&P500, NASDAQ, FTSE100, DAX30, Nikkei เป็นต้น รวมถึงหุ้นรายตัวของบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Apple, Amazon, Facebook เป็นต้น

4. ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies)

ตลาด Crypto เติบโตและเป็นที่นิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเทรด crypto spot คือการซื้อขายเหรียญดิจิทัลที่มีอยู่จริงในปัจจุบัน และสามารถโอนเข้ากระเป๋าเก็บเหรียญ (wallet) ได้ทันที คู่เทรดยอดนิยม เช่น BTC/USD (Bitcoin), ETH/USD (Ethereum) เป็นต้น ตลาด crypto นั้นมีความผันผวนสูงมาก จึงให้โอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน และอาจเผชิญความเสี่ยงเพิ่มเติมเรื่องกฏระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น

ทั้งนี้ แม้จะเรียกว่าเป็นการเทรด spot แต่ในความเป็นจริงการเทรดผ่าน CFD ที่ผู้เทรดไม่ได้ถือครองสินทรัพย์จริงแต่อ้างอิงกับราคาตลาดนั้น ไม่ถือเป็นการเทรด spot อย่างแท้จริง เพียงแต่เรียกแบบนี้ตามความเคยชิน ซึ่งในทางปฏิบัติการเทรดผ่าน CFD เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เทรดรายย่อยทั่วไป เนื่องจากความสะดวก เรียบง่าย และใช้ต้นทุนต่ำกว่าการซื้อขายสินทรัพย์จริง

กระบวนการในการเทรด spot เป็นอย่างไร?

การเทรด spot เป็นการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินในราคาปัจจุบัน (ราคา spot) ซึ่งมีกระบวนการหลักๆ ดังนี้

เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ – เริ่มต้นด้วยการเลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตถูกต้อง และมีเงื่อนไขการเทรดที่เหมาะสม เช่น สเปรดต่ำ เลเวอเรจที่ยืดหยุ่น ค่าธรรมเนียมไม่สูง เป็นต้น
ฝึกฝนกับบัญชีทดลองก่อนเริ่มจริง – เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว ควรฝึกฝนการเทรดผ่านบัญชีทดลอง (demo account) ก่อน เพื่อทำความเข้าใจระบบ เรียนรู้เครื่องมือ และทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ
วิเคราะห์ตลาดและทิศทางราคา – ก่อนเปิดสถานะ ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดและทิศทางของราคาให้ดีก่อน อาจใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานมาประกอบการตัดสินใจ
วางแผนจุดเข้า จุดออก และระดับ stop loss – กำหนดแนวต้านและแนวรับของราคา วางแผนราคาเป้าหมายที่จะเข้าและออก พร้อมทั้งกำหนดระดับ stop loss เพื่อควบคุมความเสี่ยง
เปิดสถานะซื้อหรือขายตามแผน – เมื่อราคาเคลื่อนไหวมาถึงจุดที่ต้องการ ก็เข้าเปิดสถานะได้ตามแผนที่วางไว้ โดยซื้อ (buy) เมื่อคาดว่าราคาจะขึ้น หรือขาย (sell) เมื่อคาดว่าราคาจะลง
ปิดสถานะเมื่อถึงจุดเป้าหมาย – หากราคาเคลื่อนไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ ก็รีบปิดสถานะเพื่อล็อกกำไร แต่หากราคาเคลื่อนไปถึงจุด stop loss ก็ต้องตัดขาดทุนทันที
ทบทวนและพัฒนากลยุทธ์ให้ดีขึ้น – หลังจากเทรดเสร็จแต่ละครั้ง ให้ประเมินและบันทึกผลลัพธ์ไว้ ว่ามีจุดใดบ้างที่ทำได้ดี และจุดใดต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์ในครั้งต่อไป

โดยสรุปการเทรด spot เป็นรูปแบบการเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ผู้เทรดสามารถซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น คริปโต และอื่นๆ ได้อย่างสะดวกผ่าน CFD โดยใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในระยะสั้นเพื่อหาโอกาสทำกำไร

อย่างไรก็ตาม การเทรด spot มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีความผันผวนมาก ไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้เหมือนการเทรดฟิวเจอร์ส อีกทั้งหากใช้ leverage ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก หากเทรดแบบไร้ทิศทางและขาดการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมก็อาจนำไปสู่การขาดทุนเกินตัวได้ง่าย

ดังนั้น ผู้เทรด spot จึงต้องมีวินัยในการวางแผนและบริหารเงินทุน มีความรู้ความเข้าใจทั้งในตัวสินทรัพย์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา รวมถึงเทคนิคต่างๆในการวิเคราะห์กราฟเพื่อหาจังหวะเข้าเทรด พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายในการทำกำไรและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละครั้ง อีกทั้งต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีค่าธรรมเนียมต่ำ และแพลตฟอร์มใช้งานได้สะดวก ปลอดภัย

หากทำได้เช่นนี้ การเทรด spot ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น และบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนอย่างมั่นคงยั่งยืน