bitkub ได้เงินจริงไหม มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

ในยุคที่สกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency กำลังได้รับความนิยมและมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ Bitkub ซึ่งถือเป็นกระดานเทรด Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ โดย Bitkub นั้นได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จึงมีความน่าเชื่อถือสูงในการใช้บริการ

เทรดใน Bitkub แล้วได้เงินจริงหรือไม่?

Bitkub
Bitkub

คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยเมื่อได้ยินชื่อเว็บเทรดคริปโต นั่นก็คือการซื้อขาย cryptocurrency บนเว็บเหล่านี้สามารถทำกำไรและถอนเงินออกมาใช้จ่ายได้จริงหรือไม่ ซึ่งหากพูดถึง Bitkub แล้ว ต้องบอกว่าได้เงินจริงแน่นอน แต่มีเงื่อนไขบางประการที่ผู้ใช้ควรทราบ ดังนี้

  • ก่อนอื่นต้องผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตน (Know Your Customer: KYC) โดยอัปโหลดเอกสารสำคัญ อาทิ บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารยืนยันตัวตนอื่นๆ ตามที่กำหนด เพื่อป้องกันการฟอกเงินและใช้งานในทางที่ผิด ซึ่งอาจใช้เวลาระยะหนึ่งในการตรวจสอบจากทีมงาน
  • เมื่อทำกำไรจากการเทรดได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องเสียภาษีกำไรจากการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ในอัตรา 15% ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ถือเป็นต้นทุนที่ต้องคำนวณด้วย
  • การถอนเงินหรือเหรียญออกจากบัญชี Bitkub จะมีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนเหรียญที่ถอน โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา หากถอนบ่อยและมากก็จะยิ่งเสียค่าธรรมเนียมมากขึ้นไปด้วย

สรุปคือผลกำไรที่ได้จากการเทรดใน Bitkub สามารถถอนออกมาเป็นเงินบาทใช้จ่ายได้จริง แต่ต้องหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นก่อน เงินที่ได้รับจริงจึงอาจไม่เต็มจำนวนตามที่แสดงในระบบ แต่ก็ถือว่าเป็นเงินจริงที่พร้อมใช้งานได้ทันที

ประเภทของบัญชีใน Bitkub

ประเภทของบัญชีใน Bitkub
ประเภทของบัญชีใน Bitkub

Bitkub เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทยที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยมีบัญชีให้เลือกใช้ 2 ประเภทหลักๆ ซึ่งมีความแตกต่างกันในแง่ของคุณสมบัติ ขั้นตอนการสมัคร วงเงินในการทำธุรกรรม และค่าธรรมเนียม ดังนั้นเพื่อใช้งาน Bitkub ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้ควรศึกษาลักษณะของบัญชีแต่ละแบบ และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และรูปแบบการลงทุนของตนเอง

1. บัญชีทั่วไป (General Account)

    • เป็นบัญชีพื้นฐานที่เหมาะสำหรับลูกค้าทั่วไป
    • จำเป็นต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC – Know Your Customer) โดยแสดงเอกสารระบุตัวตน เช่น บัตรประชาชน เพื่อปลดล็อคความสามารถในการทำธุรกรรมต่างๆ
    • สามารถฝากถอนเงินไทย และเหรียญดิจิทัลได้แบบไม่จำกัด
    • มีค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ที่ 0.25% ต่อรายการ

2. บัญชีสถาบัน (Institutional Account)

    • เหมาะสำหรับลูกค้าที่เป็นบริษัท องค์กร หรือนิติบุคคล ที่ต้องการซื้อขายเหรียญดิจิทัลในปริมาณสูง
    • มีเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมจากบัญชีทั่วไป เช่น หนังสือรับรองบริษัท เอกสารจดทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น
    • ไม่มีการจำกัดวงเงินในการซื้อขายและถอน
    • อัตราค่าธรรมเนียมการเทรดอาจต่ำกว่าบัญชีทั่วไป ขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขายและการเจรจาเป็นรายกรณี
    • มีเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีเป็นการเฉพาะ (Account Manager)

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกประเภทบัญชีก็คือ ปริมาณเงินที่จะลงทุน ความถี่ในการซื้อขาย รวมถึงสถานะบุคคลหรือนิติบุคคล หากเป็นนักลงทุนรายย่อยทั่วไปที่ต้องการความสะดวกในการเปิดบัญชี และมีเงินลงทุนไม่สูงมากนัก การเลือกเปิดบัญชีบุคคลธรรมดาก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน

แต่หากคุณเป็นนิติบุคคล มีเงินลงทุนจำนวนมาก และมีความต้องการบริการที่เหนือกว่า เช่น การดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่ การเจรจาเรื่องค่าธรรมเนียม เป็นต้น การเลือกเปิดบัญชีแบบสถาบันน่าจะตอบโจทย์มากกว่า

ข้อดีและข้อเสียของ  Bitkub

ข้อดีและข้อเสียของ Bitkub
ข้อดีและข้อเสียของ Bitkub

ข้อดีของ Bitkub

  • ใช้งานง่าย เหมาะทั้งมือใหม่และมือเก๋า – หน้าตาของเว็บและแอป Bitkub ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เข้าใจไม่ยาก แม้ไม่เคยเทรดที่ไหนมาก่อน ก็สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยาก แต่ก็มีฟีเจอร์ขั้นสูงให้ผู้ที่ชำนาญใช้งานได้อย่างครบครัน
  • เป็นเว็บเทรดที่ถูกกฎหมาย มี ก.ล.ต. กำกับดูแล – Bitkub เป็นเว็บเทรดที่ได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐานและความน่าเชื่อถือสูง ต่างจากเว็บผิดกฎหมายทั่วไปที่มีความเสี่ยงสูง
  • มียอดผู้ใช้มากกว่า 1 ล้านคน มีสภาพคล่องสูง – Bitkub มีฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณการซื้อขายสูง ทำให้มีสภาพคล่องดี ไม่ติดขัดเวลาทำรายการ
  • เหรียญที่ลิสต์มีคุณภาพ น่าลงทุน – Bitkub มีนโยบายในการคัดเลือกเหรียญดิจิทัลที่มีแนวโน้มที่ดี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีประโยชน์ใช้สอยจริง มาลิสต์ เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, ADA เป็นต้น ซึ่งเป็นเหรียญที่ติดอันดับต้นๆ ของการลงทุนในตลาดคริปโตโลก จึงมีโอกาสสร้างผลกำไรในระยะยาวได้
  • ปลอดภัยสูง ยากที่จะโดนแฮก – ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยข้างต้น จึงทำให้ Bitkub เป็นเว็บเทรดที่ปลอดภัยสูง โอกาสที่บัญชีจะถูกขโมยแทบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราตั้งรหัสที่คาดเดายาก และไม่หลงเชื่อลิงก์ฟิชชิ่งต่างๆ

ข้อเสียของ Bitkub

  • ค่าธรรมเนียมการเทรดสูงถึง 25% ต่อครั้ง – เมื่อเทียบกับเว็บเทรดต่างประเทศหลายแห่งที่มีค่าเทรด 0.1% หรือต่ำกว่า Bitkub ถือว่ามีค่าธรรมเนียมการเทรดที่สูงมาก หากเทรดบ่อยๆ วันละหลายรอบก็จะยิ่งเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ กินกำไรไปเยอะ
  • ค่าธรรมเนียมการถอนเปลี่ยนแปลงบ่อย ขึ้นลงตามเวลา – อัตราค่าธรรมเนียมการถอนเหรียญออกจาก Bitkub ไปยังกระเป๋าอื่นหรือเว็บอื่นนั้นไม่คงที่ จะมีการปรับเปลี่ยนวันละ 4 ครั้งตามเวลา บางช่วงอาจแพงหรือถูกก็ได้ ทำให้เราต้องคอยเช็คและเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมดีที่สุดในการถอนเหรียญ
  • ไม่เหมาะกับการเทรดสั้นเข้าออกบ่อย – Bitkub ไม่ค่อยเหมาะกับสายเทรดระยะสั้นที่ชอบเข้าๆ ออกๆ บ่อยรอบ เพราะค่าธรรมเนียมการเทรดที่สูงจะกินกำไรไปมาก คุ้มค่ากับการเทรดระยะยาวที่ถือนานๆ มากกว่า
  • มีเหรียญให้เทรดน้อยกว่า Binance – จำนวนเหรียญที่ลิสต์บน Bitkub ยังมีให้เลือกน้อยกว่าเว็บนอกอย่าง Binance ค่อนข้างมาก ทำให้มีตัวเลือกในการลงทุนน้อยกว่า และพลาดเหรียญใหม่ๆ ที่น่าสนใจไปบ้าง
  • เทรดได้เฉพาะ spot ไม่มี margin, futures หรือ leverage – Bitkub ยังมีแค่การเทรดแบบ spot เท่านั้น คือการซื้อขายเหรียญแลกกับเงินบาทโดยตรง แต่ไม่มีระบบเทรดขั้นสูงแบบ margin trade, futures หรือการใช้ leverage เพิ่มกำลังซื้อเหมือนเว็บนอกหลายแห่ง

โดยสรุป  Bitkub เป็นกระดานเทรด Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสูง การซื้อขาย crypto บน Bitkub สามารถทำกำไรและถอนเงินมาใช้จ่ายได้จริง แต่ต้องผ่านเงื่อนไขการยืนยันตัวตน และเสียภาษี 15% ตามกฎหมาย รวมถึงมีค่าธรรมเนียมในการถอนด้วย

Bitkub มีข้อดีคือใช้งานง่าย เหมาะทั้งมือใหม่และมืออาชีพ มีสภาพคล่องสูงเพราะมีผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านคน และรองรับเหรียญคริปโตชั้นนำที่น่าลงทุน ส่วนข้อเสียคือค่าธรรมเนียมการเทรดและถอนค่อนข้างสูง ไม่เหมาะกับการเข้าออกบ่อย มีเหรียญให้ซื้อขายน้อยกว่าเว็บเทรดต่างประเทศ และยังไม่รองรับระบบเทรดขั้นสูงอย่าง margin หรือ futures