การระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เป็นทางเลือกใหม่ในการระดมทุนที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยมีหน่วยงานหลายภาคส่วนที่เข้ามาทำหน้าที่สนับสนุนและกำกับดูแลการระดมทุนในรูปแบบนี้ หน่วยงานกำกับดูแลหลัก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้: ออกหลักเกณฑ์และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พิจารณาอนุญาตการเสนอขายโทเคนดิจิทัล กำกับดูแลผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) คุ้มครองผู้ลงทุนและดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตลาด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธปท. มีบทบาทในการกำกับดูแลการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงิน: ดูแลผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน กำกับดูแลการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัล ศึกษาและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ICO Portal เป็นหน่วยงานที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเสนอขายโทเคนดิจิทัล โดยมีหน้าที่สำคัญดังนี้: การคัดกรองและตรวจสอบ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ออกโทเคนดิจิทัล วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ สอบทานข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสมาร์ทคอนแทรคต์และระบบเทคโนโลยี การให้คำปรึกษาและสนับสนุน ให้คำแนะนำในการออกแบบโทเคนดิจิทัล ช่วยจัดเตรียมเอกสารการเปิดเผยข้อมูล ประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแล สนับสนุนการทำการตลาดและการขาย การจัดการการเสนอขาย จัดให้มีระบบการเสนอขายที่มีประสิทธิภาพ ดูแลการจัดสรรโทเคนและการชำระเงิน ควบคุมการปฏิบัติตามเงื่อนไขการเสนอขาย จัดทำรายงานและเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนด หน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ สมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน สร้างความร่วมมือระหว่างสมาชิก จัดอบรมและให้ความรู้ [อ่านเนื้อหา]
Category Archives: Articles
ผู้ให้บริการระบบเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่เรียกว่า ICO Portal เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน โดยมีบทบาทสำคัญในการกลั่นกรองและควบคุมคุณภาพของการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล บทบาทและหน้าที่ ICO Portal มีหน้าที่หลักที่สำคัญ 2 ประการ ได้แก่: 1. การกลั่นกรองโครงการ ICO ทำการตรวจสอบและสอบทานข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (due diligence) ประเมินคุณสมบัติของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ว่ามีความเหมาะสมที่จะได้รับอนุญาตให้เสนอขาย ตรวจสอบแผนธุรกิจและความเป็นไปได้ของโครงการ ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน ตรวจสอบชุดรหัส (source code) ในสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) ว่าตรงกับที่เปิดเผยในเอกสาร 2. การให้บริการระบบเสนอขาย จัดให้มีระบบการทำความรู้จักลูกค้า (KYC/CDD) ประเมินความเหมาะสมในการลงทุน (suitability test) ควบคุมมูลค่าการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยไม่ให้เกินข้อจำกัด จัดการระบบการจองซื้อและชำระเงิน ดูแลการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า คุณสมบัติของผู้ให้บริการระบบเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ที่จะได้รับความเห็นชอบให้เป็น ICO Portal ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้: เป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท มีฐานะการเงินที่มั่นคงและระบบงานที่มีประสิทธิภาพ มีผู้บริหารและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสม มีระบบงานที่พร้อมในการให้บริการ เช่น: [อ่านเนื้อหา]
ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจมากขึ้น นักบัญชีจึงจำเป็นต้องเข้าใจหลักการบัญชีที่เกี่ยวข้องเพื่อการรายงานทางการเงินที่ถูกต้องและเหมาะสม ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล สินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก: คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ไม่ได้ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลหรือหน่วยงานอื่น ไม่ก่อให้เกิดสัญญาระหว่างผู้ถือกับอีกฝ่าย โทเคนดิจิทัล (Digital Token) โทเคนเพื่อการลงทุน (Investment Token) โทเคนเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) โทเคนที่ไม่พร้อมใช้งาน มาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง กรณีกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (PAEs) มาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย: TAS 2 สินค้าคงเหลือ: กรณีถือไว้เพื่อขายตามธุรกิจปกติ TAS 38 สินทรัพย์ไม่มีตัวตน: กรณีถือไว้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น TFRS 13 การวัดมูลค่ายุติธรรม TFRS 9 เครื่องมือทางการเงิน กรณีกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (NPAEs) พิจารณาตามวัตถุประสงค์การถือครอง: ถือไว้เพื่อขายตามธุรกิจปกติ: รับรู้เป็นสินค้าคงเหลือ วัดมูลค่าด้วยราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ถือไว้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น: พิจารณาตามกรอบแนวคิด รับรู้เป็นสินทรัพย์เมื่อเข้าเกณฑ์การรับรู้รายการ วัดมูลค่าด้วยราคาทุนและพิจารณาการด้อยค่า [อ่านเนื้อหา]
การประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยผู้ประกอบการจำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตที่เหมาะสมก่อนเริ่มดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรม ประเภทของใบอนุญาต ใบอนุญาตด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก: 1. ใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ 1.1 ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) เป็นศูนย์กลางหรือเครือข่ายสำหรับการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ทำหน้าที่จับคู่หรือหาคู่สัญญาให้ผู้ซื้อและผู้ขาย จัดระบบและอำนวยความสะดวกในการซื้อขายแลกเปลี่ยน ดำเนินการเป็นทางค้าปกติ 1.2 นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ให้บริการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ดำเนินการเพื่อลูกค้าโดยได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าตอบแทน ส่งคำสั่งซื้อขายไปยังศูนย์ซื้อขายหรือผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล 1.3 ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) ให้บริการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในนามตนเอง ดำเนินการนอกศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทำธุรกรรมเป็นทางค้าปกติ 2. ใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพ 2.1 ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล กลั่นกรองคุณสมบัติของผู้ออกโทเคนและลักษณะของโทเคนดิจิทัล ตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารและข้อมูลที่เปิดเผย ติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขของผู้ออกโทเคน 2.2 ผู้สอบบัญชี ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎหมายหลักทรัพย์ อยู่ภายใต้ระบบการควบคุมคุณภาพของสำนักงานสอบบัญชี ขั้นตอนการขอรับใบอนุญาต 1. การเตรียมความพร้อม ศึกษาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาต [อ่านเนื้อหา]
การลงทุนและการทำธุรกรรมในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยจำเป็นต้องดำเนินการผ่านตัวกลางที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและคุ้มครองผู้ลงทุน โดยตัวกลางในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกันไป ประเภทของตัวกลางในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ICO Portal เป็นผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ โดยมีหน้าที่หลัก 2 ด้าน: การกลั่นกรองโครงการ ICO ศึกษาข้อมูลของบริษัทและการเสนอขายโทเคน (due diligence) คัดกรองและสอบทานแผนธุรกิจ ตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูลในเอกสารประกอบการเสนอขาย ตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) กับข้อมูลที่เปิดเผย ชี้แจงต่อ ก.ล.ต. และผู้ลงทุนเมื่อผู้ออกโทเคนไม่ปฏิบัติตามที่เปิดเผยไว้ การเป็นช่องทางการเสนอขาย ทำความรู้จักตัวตนของผู้ลงทุน (Know Your Customer – KYC) ประเมินความเหมาะสมในการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อย ควบคุมวงเงินการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยไม่ให้เกินเกณฑ์ที่กำหนด ดูแลการเก็บรักษาทรัพย์สินของผู้ลงทุน ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหรือเครือข่ายในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีลักษณะการดำเนินงานดังนี้: จับคู่หรือหาคู่สัญญาให้ผู้ซื้อและผู้ขาย จัดระบบหรืออำนวยความสะดวกในการซื้อขายแลกเปลี่ยน ดำเนินการเป็นทางค้าปกติ ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ต้องมีระบบงานที่มีความมั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายให้กับลูกค้า [อ่านเนื้อหา]
สินทรัพย์ดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการเงินทั่วโลก และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประกาศใช้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ซึ่งถือเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีการออกกฎหมายเฉพาะเพื่อกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างครบวงจร จุดเริ่มต้นของการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย การออก พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมทั้งระบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญ 4 ประการ ได้แก่: การคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนจากความเสี่ยงในการลงทุน การกำกับดูแลการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้มีความโปร่งใส การควบคุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีมาตรฐาน การป้องกันการฟอกเงินและการกระทำอันไม่เป็นธรรมในตลาด กฎหมายฉบับนี้ได้แบ่งสินทรัพย์ดิจิทัลออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล โดยมีการกำกับดูแลที่แตกต่างกัน กล่าวคือ คริปโทเคอร์เรนซีจะถูกกำกับดูแลเฉพาะในส่วนของการซื้อขายในตลาดรองและผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่โทเคนดิจิทัลจะถูกกำกับดูแลตั้งแต่การออกเสนอขายไปจนถึงการซื้อขายในตลาดรอง ความท้าทายในการกำกับดูแลปัจจุบัน 1. การพัฒนาของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก้าวกระโดด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย เช่น: การพัฒนาของ DeFi (Decentralized Finance) ที่นำเสนอบริการทางการเงินแบบไร้ตัวกลาง การเกิดขึ้นของ NFTs (Non-fungible [อ่านเนื้อหา]
การระดมทุนผ่าน Initial Coin Offering (ICO) เป็นรูปแบบการระดมทุนสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมีองค์ประกอบสำคัญของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้ ประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล โทเคนดิจิทัล (Digital Token) เป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดสิทธิของผู้ถือ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก: Security Token: ให้สิทธิในส่วนแบ่งกำไรหรือผลประโยชน์จากกิจการ Utility Token: ให้สิทธิในการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ไม่ได้รับการรับรองจากธนาคารกลางว่าเป็นเงินตามกฎหมาย ตัวอย่างที่นิยม เช่น Bitcoin และ Ethereum โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เทคโนโลยีบล็อกเชน เป็นระบบฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ มีความโปร่งใสและปลอดภัยสูง ยากต่อการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูล รองรับการทำธุรกรรมแบบไม่ต้องผ่านตัวกลาง สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เป็นโค้ดคอมพิวเตอร์ที่กำหนดเงื่อนไขและข้อตกลง ทำงานอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขครบถ้วน บันทึกอยู่บนบล็อกเชน ควบคุมการทำงานของโทเคน กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ใช้เก็บและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล แบ่งเป็น Hot Wallet (เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) และ Cold Wallet (ไม่เชื่อมต่อ) [อ่านเนื้อหา]
การระดมทุนผ่าน Initial Coin Offering (ICO) เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล บทความนี้จะวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของการระดมทุนผ่าน ICO อย่างละเอียด เพื่อให้ผู้สนใจสามารถประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจ ข้อดีของการระดมทุนผ่าน ICO 1. ความรวดเร็วในการระดมทุน กระบวนการเสนอขายทำได้รวดเร็วกว่าการระดมทุนแบบดั้งเดิม ใช้ระบบสัญญาอัจฉริยะในการทำธุรกรรมโดยอัตโนมัติ ลดขั้นตอนการตรวจสอบและอนุมัติที่ซับซ้อน 2. ต้นทุนการระดมทุนต่ำ ประหยัดค่าที่ปรึกษาทางการเงินและกฎหมาย ลดค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสาร ทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลที่มีต้นทุนต่ำ 3. การเข้าถึงนักลงทุนทั่วโลก ไม่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ สามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มโอกาสในการระดมทุนได้ตามเป้าหมาย 4. ความยืดหยุ่นในการออกแบบโทเคน สามารถกำหนดสิทธิประโยชน์ได้หลากหลาย ปรับแต่งเงื่อนไขการถือครองได้ตามต้องการ ออกแบบระบบการจ่ายผลตอบแทนที่เหมาะสม 5. การสร้างชุมชนผู้ใช้งาน ผู้ถือโทเคนมีแนวโน้มจะเป็นผู้ใช้งานจริง สร้างเครือข่ายผู้สนับสนุนโครงการตั้งแต่เริ่มต้น ได้รับข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาโครงการ 6. การรักษาอำนาจควบคุม ไม่ต้องแบ่งสัดส่วนความเป็นเจ้าของบริษัท รักษาอำนาจการตัดสินใจในการบริหาร มีอิสระในการพัฒนาธุรกิจ 7. ความโปร่งใสของธุรกรรม ธุรกรรมทั้งหมดถูกบันทึกบนบล็อกเชน ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินทุนได้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน 8. โอกาสในการซื้อขายทันที โทเคนสามารถซื้อขายในตลาดรองได้ทันที เพิ่มสภาพคล่องให้กับการลงทุน สร้างโอกาสในการทำกำไรระยะสั้น [อ่านเนื้อหา]
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน การระดมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจก็มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการระดมทุนแบบดั้งเดิมอย่าง Initial Public Offering (IPO) ที่เราคุ้นเคย Initial Coin Offering (ICO) ได้เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่สำหรับบริษัทและโครงการที่ต้องการระดมทุน บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่าง ICO และ IPO อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมของแต่ละรูปแบบ ความหมายและแนวคิดพื้นฐาน Initial Public Offering (IPO) IPO คือการที่บริษัทเอกชนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก เพื่อระดมทุนจากประชาชนทั่วไป เมื่อบริษัทเข้าจดทะเบียนแล้ว จะกลายเป็นบริษัทมหาชนที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนที่ซื้อหุ้นจะได้เป็นเจ้าของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น Initial Coin Offering (ICO) ICO เป็นการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยบริษัทหรือโครงการจะออกโทเคนดิจิทัลเพื่อขายให้นักลงทุน แลกกับเงินดิจิทัลหรือเงินสกุลปกติ โทเคนที่ได้รับอาจมีประโยชน์ในการใช้งานบนแพลตฟอร์มของโครงการ หรือเป็นตัวแทนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ความแตกต่างที่สำคัญ 1. ระยะเวลาและขั้นตอนการระดมทุน IPO ใช้เวลาเตรียมการนาน มักใช้เวลา 1-2 ปีหรือมากกว่า มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและเป็นทางการ ต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ICO ใช้เวลาเตรียมการสั้นกว่า [อ่านเนื้อหา]
เข้าใจ ICO คืออะไร? Initial Coin Offering (ICO) หรือการระดมทุนด้วยเหรียญดิจิทัล เป็นวิธีการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยบริษัทหรือโครงการจะออกโทเคนดิจิทัล (Digital Token) เพื่อขายให้กับนักลงทุนที่สนใจ แลกกับเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือ Ethereum หรือเงินสกุลปกติ ICO มักถูกเปรียบเทียบกับการระดมทุนแบบ IPO (Initial Public Offering) ในตลาดหุ้น แต่ ICO มีกระบวนการที่ง่ายและรวดเร็วกว่า ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มสตาร์ทอัพที่ต้องการระดมทุนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน กระบวนการของ ICO การประกาศโครงการ: ทีมผู้พัฒนาจะประกาศแผนการระดมทุนผ่าน ICO พร้อมรายละเอียดโครงการ การเผยแพร่ White Paper: เอกสารที่อธิบายรายละเอียดทั้งหมดของโครงการ รวมถึง: เป้าหมายและวิสัยทัศน์ เทคโนโลยีที่ใช้ ทีมผู้พัฒนา แผนการใช้เงินทุน รายละเอียดของโทเคน การเปิดขาย: กำหนดระยะเวลาการขายโทเคน โดยอาจแบ่งเป็น: Pre-sale สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ Public sale สำหรับนักลงทุนทั่วไป [อ่านเนื้อหา]