short long btc คืออะไร มีความหมายอย่างไร

ในปัจจุบัน Bitcoin (BTC) ได้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ทั้งในแง่ของการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย โปร่งใส และไร้พรมแดน รวมถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจในยุคนี้ การลงทุนใน Bitcoin สามารถทำได้หลายรูปแบบ ทั้งการซื้อมาถือครอง (Long) หรือการขายชอร์ต (Short) ซึ่งเป็นการเก็งกำไรจากราคาที่ลดลง

short long btc คืออะไร มีความหมายอย่างไร
short long btc คืออะไร มีความหมายอย่างไร

Long BTC คืออะไร?

Long BTC คือการลงทุนใน Bitcoin ในแนวทางขาขึ้น โดยคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อทำกำไรในอนาคต วิธีการ Long มีหลายรูปแบบ ดังนี้

  1. ซื้อ Bitcoin จากตลาดแลกเปลี่ยนโดยตรง (Spot) – เป็นการซื้อและถือครองจริงๆ โดยหวังว่าจะขายทำกำไรในภายหลัง เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ต้องใช้เงินทุนในการซื้อมากพอสมควร
  2. ซื้อผ่านตราสารอนุพันธ์ เช่น Futures หรือ Options – เป็นการเทรดในรูปแบบสัญญา โดยไม่ต้องถือครอง Bitcoin จริง แต่ใช้เงินทุนน้อยกว่าการถือจริง แต่มีความเสี่ยงและความซับซ้อนมากกว่า
  3. ลงทุนผ่านกองทุน Bitcoin หรือ ETF – เป็นการลงทุนทางอ้อม โดยให้ผู้จัดการกองทุนบริหารแทน มีค่าธรรมเนียมและข้อจำกัดมากกว่าการซื้อเอง

ข้อดีของการ Long BTC คือจะได้กำไรเมื่อราคาเพิ่มขึ้น โดยไม่จำกัดเพดาน และเสียเงินทุนเท่าที่ลงทุนไป แต่ข้อเสียคือจะขาดทุนเมื่อราคาร่วงลง และต้องถือจนกว่าจะขายทำกำไรได้

Short BTC คืออะไร?

Short BTC คือการเก็งกำไรในแนวทางขาลง โดยคาดหวังว่าราคา Bitcoin จะปรับลดลงในอนาคต การ Short ทำได้โดยการขายชอร์ตในตลาดอนุพันธ์ เช่น Futures, Options หรือ CFD เป็นต้น ผู้เทรดจะยืม Bitcoin จากแพลตฟอร์มมาขายในตอนนี้ที่ราคาสูง และหวังจะซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าในภายหลัง โดยส่วนต่างของราคาก็จะเป็นกำไรที่ได้

ข้อดีของการ Short BTC คือสามารถทำกำไรในตลาดขาลงได้ และใช้เงินทุนน้อยในการเปิดสัญญา แต่ข้อเสียคือมีความเสี่ยงสูงกว่า เพราะถ้าราคาไม่เป็นไปตามคาด ผู้เทรดจะขาดทุนเท่ากับส่วนต่างของราคาที่เพิ่มขึ้นนั้น และสามารถติดลบได้ไม่จำกัด

ประเภทของการซื้อขาย Bitcoin

ประเภทของการซื้อขาย Bitcoin
ประเภทของการซื้อขาย Bitcoin

การซื้อขาย Bitcoin สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

  1. Spot Trading – เป็นการซื้อขาย Bitcoin แบบทันที ณ ราคาตลาดปัจจุบัน เพื่อถือครองจริง ผู้ซื้อจะได้รับ BTC ในกระเป๋า และสามารถถอนออกไปใช้หรือโอนเป็นของตัวเองได้ทันที แต่ต้องใช้เงินเต็มจำนวนในการซื้อ
  2. Derivatives Trading – เป็นการซื้อขายผ่านตราสารอนุพันธ์ต่างๆ เช่น Futures หรือ Options โดยไม่ได้ซื้อขาย Bitcoin จริง แต่เป็นการทำสัญญาแลกเปลี่ยนมูลค่าในอนาคต โดยใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์อ้างอิง เป็นการเก็งกำไรจากความแตกต่างของราคา โดยสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และใช้เงินทุนน้อยผ่านการเทรดแบบมาร์จิ้น แต่มีความเสี่ยงสูง สามารถขาดทุนได้ไม่จำกัด

Derivatives Trading แบ่งเป็นประเภทตามลักษณะการชำระเงิน ดังนี้

  • Bitcoin Futures – ผู้ซื้อและผู้ขายทำสัญญาที่จะซื้อขาย BTC ในราคาที่กำหนด ณ วันที่ครบกำหนดในอนาคต สามารถใช้ประโยชน์ในการเฮดจ์ความเสี่ยง หรือเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาได้
  • Bitcoin Options – ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิ (ไม่ใช่ภาระผูกพัน) ในการซื้อหรือขาย Bitcoin ในราคาและวันที่กำหนดในอนาคต โดยจ่ายค่าพรีเมียมให้กับผู้ขายออปชั่น
  • Bitcoin CFD – เป็นสัญญาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงทำการชำระส่วนต่างของมูลค่า ณ วันสิ้นสุดสัญญา โดยใช้ราคา Bitcoin เป็นตัวอ้างอิง โดยไม่มีการส่งมอบ BTC จริง

การเลือกรูปแบบการซื้อขาย Bitcoin ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ความเสี่ยง และเงินทุนที่ผู้ลงทุนมี โดยต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสีย และกลไกการทำงานของแต่ละประเภทให้เข้าใจก่อนเริ่มลงทุน

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Bitcoin

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Bitcoin
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา Bitcoin

เนื่องจาก Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลางใด ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของราคาจึงถูกกำหนดจากอุปสงค์และอุปทานในตลาดเป็นหลัก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. การยอมรับและการใช้งาน Bitcoin – การแพร่หลายและนำไปใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าและบริการมากขึ้น ก็จะเป็นแรงหนุนให้ราคาเพิ่มขึ้น
  2. นโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศ – หากรัฐบาลออกกฎหมายควบคุม จำกัด หรือสนับสนุนการใช้ Bitcoin ก็จะมีผลต่ออุปสงค์อุปทานในตลาด เช่น จีนประกาศแบนการขุด Bitcoin ทำให้มีแรงขายออกจากตลาดเป็นจำนวนมาก
  3. ความเชื่อมั่นต่อระบบ Bitcoin – หากมี Hack หรือการโจมตีเครือข่าย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของระบบ ก็จะกดดันให้ราคาลดลง
  4. สภาพเศรษฐกิจมหภาค – ในยามเศรษฐกิจผันผวน นักลงทุนบางส่วนอาจหันมาลงทุนใน Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์เสี่ยง หรือเก็บสะสมมูลค่า ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
  5. ความผันผวนและการเก็งกำไร – กระแสการลงทุนและความต้องการเก็งกำไรของนักลงทุน ก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ผันผวนรุนแรงอยู่เสมอ

โดยสรุปการลงทุนใน Bitcoin ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Long หรือ Short มีทั้งโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจาก Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก และได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ทั้งในแง่ของอุปสงค์อุปทาน กฎระเบียบข้อบังคับ ไปจนถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมือง

นักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อขาย Bitcoin จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทุกด้านที่เกี่ยวข้อง ทั้งกลไกการทำงานของ Bitcoin เทคโนโลยีบล็อกเชน ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา วิธีการซื้อขาย การบริหารความเสี่ยง รวมถึงกฎระเบียบและข้อกฎหมายที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

นอกจากความรู้ความเข้าใจแล้ว นักลงทุนยังต้องมีวินัยและสติในการลงทุน ทั้งการวางแผนการเงินที่ดี กำหนดเป้าหมายและวงเงินที่ชัดเจน ไม่ใช้เงินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมาลงทุน รวมถึงการกระจายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ไม่ควรทุ่มเงินไปที่ Bitcoin เพียงอย่างเดียว เพื่อช่วยลดความเสี่ยงรวมของพอร์ตการลงทุน

การจะประสบความสำเร็จในการลงทุน Bitcoin ไม่ว่าจะเป็นการ Long หรือ Short จำเป็นต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์ วินัย และการจัดการความเสี่ยงที่ดี ควบคู่ไปกับการติดตามข่าวสารและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมที่สุด เมื่อพร้อมและมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว โอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนจาก Bitcoin ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป