คริปโตเคอเรนซี่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋า แต่การเลือกเว็บเทรดคริปโตที่เหมาะสมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา วันนี้เรามาดูกันว่าเว็บเทรดคริปโตต่างประเทศที่ไหนน่าสนใจ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

1. Binance
Binance เป็นเว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของปริมาณการซื้อขาย มีสกุลเหรียญคริปโตให้เลือกเทรดมากกว่า 600 เหรียญ นอกจากนี้ Binance ยังมีค่าธรรมเนียมการเทรดที่ค่อนข้างถูก อยู่ที่ 0.1% และมีโปรโมชั่นลดค่าธรรมเนียมอยู่เสมอ

ข้อดี
- มีเหรียญคริปโตให้เลือกเทรดหลากหลาย
- ค่าธรรมเนียมการเทรดถูก
- รองรับการฝากและถอนเงินด้วยสกุลเงินไทย ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต โอนเงินผ่านธนาคาร
- มีฟีเจอร์มากมายนอกเหนือจากการเทรด เช่น Staking, Liquidity Pool, Margin Trading
ข้อเสีย
- อินเทอร์เฟซบนเว็บไซต์ที่ค่อนข้างซับซ้อน อาจทำให้ผู้ใช้งานใหม่เกิดความสับสน
- มีข่าวเรื่องปัญหาด้านความปลอดภัยในอดีต
2. Coinbase
Coinbase เป็นอีกหนึ่งเว็บเทรดคริปโตชั้นนำ ที่มีจุดเด่นในเรื่องความเรียบง่ายและความปลอดภัย เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ มีเหรียญให้เลือกเทรดมากกว่า 150 เหรียญ

ข้อดี
- ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยทางด้านการเงินสูง
- สามารถฝากและถอนเงินที่เป็นสกุลเงินหลักได้
- มีการซื้อประกันกรณีสูญเสียเงินทุนจากการโดนแฮ็ค
ข้อเสีย
- ค่าธรรมเนียมการเทรดค่อนข้างสูง
- จำนวนเหรียญให้เลือกเทรดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเว็บอื่นๆ
3. Kraken

Kraken ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 ถือเป็นหนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่เก่าแก่ที่สุด มีความน่าเชื่อถือสูง เน้นในเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ รองรับการเทรดมากกว่า 200 เหรียญ
ข้อดี
- ความปลอดภัยด้านการเงินสูง มีมาตรการ KYC/AML ที่รัดกุม
- ผ่านการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ว่ามีกองทุนสำรองเพียงพอกับเงินของลูกค้า
- ใช้งานง่าย ค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ในระดับปานกลาง
- มีฟีเจอร์การเทรดขั้นสูง เช่น การเทรดอนุพันธ์ การเทรดมาร์จิ้น
ข้อเสีย
- มีแค่ 7 สกุลเงินหลักให้เลือกในการฝาก-ถอน
- ไม่รองรับการซื้อคริปโตด้วยบัตรเครดิต/เดบิต ต้องโอนเงินเข้ามาก่อนเท่านั้น
4. Bybit
Bybit เป็นแพลตฟอร์มเทรด Crypto ที่เน้นรูปแบบการเทรดแบบ Leverage โดยเฉพาะ จึงออกแบบฟีเจอร์มาเพื่อช่วยให้นักเทรดบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น โดยมีจุดเด่นดังนี้

ข้อดี
- มีฟีเจอร์ Stop Loss หรือ Take Profit ติดตั้งมาในตัว ช่วยจำกัดความเสี่ยงในการขาดทุนโดยอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยให้การเทรด
- มีระบบป้องกัน Liquidation หรือการล้างพอร์ต โดยเทรดเดอร์สามารถปรับเปลี่ยนความเสี่ยงที่รับได้ตามต้องการ
- มีระบบ Leaderboard ให้ศึกษากลยุทธ์เทรดของเทรดเดอร์ที่ทำผลงานดีที่สุด ผ่านระบบ Copy Trading ได้โดยตรง
- ทีมพัฒนาแพลตฟอร์มมีประสบการณ์จากตลาด Forex มานาน ทำให้ระบบมีความเสถียร เชื่อถือได้
- รองรับการฝากเงินได้ทั้งสกุลคริปโตและแบบธนาคาร เพิ่มความสะดวกในการเติมเงินเข้ามาเทรด
ข้อเสีย
- มีเหรียญ Crypto ให้เลือกเทรดน้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเหรียญเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง
- ค่าธรรมเนียมการเทรดค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ถ้าเทรดบ่อยอาจกระทบกำไรได้มาก
5. OKX
OKX (ชื่อเดิม OKEx) เป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตสัญชาติเซเชลส์ ที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 โดยมีจุดแข็งในการเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร ตั้งแต่สปอต เทรดมาร์จิ้น เทรดออปชั่น ไปจนถึงระบบ DeFi ที่สมบูรณ์แบบ

ข้อดี
- รองรับเหรียญคริปโตให้ซื้อขายกว่า 350 เหรียญ ครอบคลุมแทบทุกเหรียญยอดนิยม
- มีเครื่องมือการเทรดขั้นสูงหลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งนักเทรดหน้าใหม่และมือโปร
- มีตลาดออปชันสำหรับบิตคอยน์และอีเธอร์ ให้ผลตอบแทนสูงถึง 20% ต่อสัปดาห์
- ค่าธรรมเนียมการเทรดค่อนข้างต่ำ เริ่มต้นที่ 0.1% เทียบเท่ากับเว็บเทรดระดับนำของตลาด
- มีโปรแกรมแชร์ค่าคอมมิชชั่นของเทรดเดอร์ที่แนะนำเข้ามา สร้างรายได้เสริมได้ดี
- สามารถฝากถอนผ่านธนาคารไทยได้ แต่จำกัดเฉพาะธนาคารใหญ่ๆ เท่านั้น
ข้อเสีย
- ถึงแม้ค่าธรรมเนียมการเทรดจะต่ำ แต่ค่าธรรมเนียมการฝากถอนค่อนข้างสูง
- การยืนยันตัวตนแบบ KYC ค่อนข้างเข้มงวดและใช้เวลานาน อาจไม่เหมาะกับนักเทรดบางกลุ่ม
- แพลตฟอร์มซื้อขายค่อนข้างซับซ้อน ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจพอสมควร
- ในอดีตเคยมีประวัติทางลบ จากข่าวที่ผู้ก่อตั้งถูกสอบสวนในประเทศจีน แม้ไม่มีความผิดก็ตาม
6. Bitfinex
Bitfinex เป็นอีกหนึ่งเว็บเทรดชั้นนำที่มีมาตั้งแต่ปี 2012 มีจุดเด่นในการรองรับการเทรดที่ซับซ้อน มีเครื่องมือการเทรดที่ทันสมัย และยังมีการเชื่อมต่อกับกระเป๋าเก็บเงินดิจิทัลอย่าง Tether ทำให้สามารถทำธุรกรรมระหว่างเหรียญได้อย่างง่ายดาย รองรับการเทรดเหรียญคริปโตกว่า 150 เหรียญ

ข้อดี
- แพลตฟอร์มเทรดที่ใช้งานง่าย แต่มีฟีเจอร์ที่หลากหลายสำหรับเทรดเดอร์ระดับสูง
- มีสภาพคล่องในการเทรดสูง โดยเฉพาะคู่สกุลหลักๆเช่น BTC, ETH
- รองรับเทรดมาร์จิ้น และการกู้ยืมเงินเพื่อการเทรด
- มีการเชื่อมต่อกับ Tether ทำให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินทำได้ง่าย
- มีทีมแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำให้บริการ
ข้อเสีย
- ค่าธรรมเนียมการถอนเหรียญบางชนิดค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเว็บอื่น
- เคยมีประวัติถูกแฮ็คและโดนขโมยเหรียญจำนวนมากในอดีต
- การสมัครและยืนยันตัวตนค่อนข้างใช้เวลานาน
ปัจจัยสำคัญในการเลือกเว็บเทรดคริปโต

- ความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม เนื่องจากการเทรดคริปโตยังเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างเป็นทางการ ความปลอดภัยของเว็บเทรดจึงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่เราต้องพิจารณา ควรเลือกเว็บเทรดที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end มีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ (Suspicious activity detection) และผ่านการตรวจสอบจากบุคคลที่สามแล้วว่ามีการควบคุมความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
- ชื่อเสียงและประสบการณ์ของแพลตฟอร์ม นอกจากความปลอดภัยแล้ว ชื่อเสียงของเว็บเทรดก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ควรเลือกเว็บที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน มีความมั่นคงทางการเงินสูง มีสภาพคล่องในการเทรดเพียงพอ มีผู้ใช้งานจำนวนมาก รวมถึงมีประวัติการจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ดี อย่างเช่น กรณีที่ถูกแฮ็คแล้วสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและลดความเสียหายได้เป็นอย่างดี สิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าเงินลงทุนของเราจะปลอดภัย
- ค่าธรรมเนียมและการบริการ อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อผลกำไรในระยะยาวคือเรื่องค่าธรรมเนียม ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมการฝากถอน ค่าธรรมเนียมการเทรด ควรเลือกเว็บที่คิดค่าบริการในอัตราที่สมเหตุสมผล ไม่สูงจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องของฟีเจอร์การใช้งาน ความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรม การมีเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟ ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเช่นกัน
- จำนวนเหรียญและคู่เทรดที่รองรับ ผู้เทรดหลายคนอาจต้องการระดับความหลากหลายของสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน บางคนอาจเน้นแค่เหรียญหลักๆ แต่บางคนอาจอยากเทรดเหรียญที่หายากกว่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกเว็บที่มีเหรียญให้เลือกในจำนวนที่เพียงพอกับความต้องการของเรา และควรมีคู่เทรดกับเงินสกุลหลักให้ครบถ้วน เช่น BTC/USDT, ETH/BTC, XRP/ETH เป็นต้น
โดยสรุปการเลือกแพลตฟอร์มสำหรับเทรดคริปโตนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันจะส่งผลต่อประสบการณ์และผลตอบแทนในการลงทุนของเราในระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกเว็บไซต์ เราจึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ จำนวนเหรียญที่เปิดให้เทรด ความสะดวกในการทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียม รวมไปถึงฟีเจอร์เสริมที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานด้วย