ในยุคที่สกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเทรดและลงทุนใน Bitcoin ก็กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้บริการของโบรกเกอร์หรือกระดานเทรดที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเทรด Bitcoin ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะพาไปดู 10 อันดับกระดานเทรดคริปโตยอดนิยมในประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักเทรดและนักลงทุน พร้อมแนะนำข้อดีข้อเสียของแต่ละเว็บไซต์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการได้อย่างเหมาะสม

1. Bitkub

Bitkub เป็นกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของไทยในปัจจุบัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ปัจจุบันให้บริการซื้อขาย Bitcoin และเหรียญคริปโตชั้นนำกว่า 20 สกุล รองรับการฝากและถอนเงินบาทได้โดยตรง
จุดเด่นของ Bitkub คือ เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่ มีระบบ KYC ที่รัดกุม ปลอดภัย น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีสภาพคล่องสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ โปรโมชั่นดี และมีแอปพลิเคชันมือถือที่ใช้งานสะดวก แต่ข้อจำกัดคือรองรับแค่ 20 กว่าเหรียญ ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเทรดเหรียญหลากหลาย
2. Xspring

3. InnovestX

4. Upbit

Upbit เป็นเว็บเทรดคริปโตชื่อดังจากเกาหลีใต้ ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และกระทรวงการคลัง ปัจจุบันมีเหรียญให้ซื้อขายมากกว่า 130 สกุล และรองรับคู่เทรดกับเงินบาทแล้วถึง 23 คู่
จุดเด่นของ Upbit คือ เป็นกระดานเทรดระดับโลกที่มีสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายสูงมาก มีเครื่องมือและฟีเจอร์การเทรดที่ทันสมัย มีแอปบนมือถือที่ใช้งานสะดวก รวมถึงมีทีมงานที่คอยพัฒนาระบบและบริการอย่างต่อเนื่อง
แต่ข้อเสียของ Upbit ก็คือ เนื่องจากมีฐานผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ทำให้มีความแตกต่างทางด้านภาษาและวัฒนธรรมการใช้งานพอสมควร อาจทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวกมากนัก
5. Kulap

Kulap เป็นกระดานเทรดคริปโตที่ก่อตั้งโดยคนไทย เน้นความง่ายและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้เป็นหลัก มีอินเทอร์เฟซที่สวยงามทันสมัย เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่และผู้เริ่มต้นเทรด Bitcoin เป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ Kulap ยังมีระบบ KYC ที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่านแอป มีระบบเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลแบบออฟไลน์ที่ปลอดภัย และมีฟีเจอร์การซื้อขายด้วยบัตรเดบิตและเครดิตได้โดยตรง
สำหรับข้อจำกัดของ Kulap คือ มีจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่รองรับยังไม่มากนัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่ๆ ทำให้อาจไม่ค่อยเหมาะสำหรับการลงทุนในเหรียญหลากหลาย แต่สำหรับผู้ที่เน้นเทรดแค่ Bitcoin ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างดี
6. Waanx

Waanx เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังเติบโตในประเทศไทย ก่อตั้งโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเงิน ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกกฎหมาย
จุดเด่นของ Waanx คือการนำเสนอประสบการณ์การเทรดที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ด้วยอินเตอร์เฟซที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และนักเทรดที่มีประสบการณ์ แพลตฟอร์มรองรับการซื้อขายคริปโตมากกว่า 30 สกุล และมีคู่เทรดกับเงินบาทไทยถึง 22 คู่
Waanx มีจุดเด่นด้านความปลอดภัย โดยใช้เทคโนโลยีการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบ Multi-signature Cold Storage และมีการเข้ารหัสข้อมูลระดับสูง นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มแรกๆ ในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001 ด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
ที่น่าสนใจคือ Waanx มีฟีเจอร์ “Social Trading” ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียนรู้และลอกเลียนกลยุทธ์การเทรดจากนักเทรดที่ประสบความสำเร็จได้ และยังมีระบบ “Waanx Academy” ที่รวบรวมบทความและคอร์สเรียนเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ
อย่างไรก็ตาม แม้ Waanx จะมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่แข่งขันได้ที่ประมาณ 0.20% แต่การถอนสินทรัพย์ดิจิทัลไปยังกระเป๋าส่วนตัวมีค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนี้ สภาพคล่องของตลาดในบางคู่เทรดยังไม่สูงมากนัก อาจทำให้เกิดความแตกต่างของราคาซื้อและขาย (Spread) ที่กว้างในบางช่วงเวลา
7. Bitazza

Bitazza เป็นอีกหนึ่งผู้นำด้านการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ให้ซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย โดย Bitazza จะเน้นกลยุทธ์การสร้างคอมมูนิตี้และเครือข่ายนักลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก
จุดแข็งสำคัญของ Bitazza คือ มีบริการแลกเปลี่ยนและเทรดหลากหลายประเภท ทั้ง Crypto Exchange, Fiat Exchange, OTC และ Bitazza App ซึ่งเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันของนักลงทุน อีกทั้งยังมีโครงการ DeFi แพลตฟอร์มกระจายศูนย์ที่น่าสนใจอย่าง bitzFarm และ StableX
นอกจากนี้ Bitazza ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ รองรับการแลกเปลี่ยนรวดเร็วผ่านแอปบนมือถือ มีเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ช่วยให้เทรดง่ายขึ้น สามารถเชื่อมต่อ API เพื่อตั้งค่าการเทรดอัตโนมัติได้ด้วย
ข้อจำกัดของ Bitazza คือ ค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง มีฟีเจอร์ที่ไม่ซับซ้อนเท่ากับแพลตฟอร์มระดับโลก และมีค่าธรรมเนียมพิเศษอีกหลายรายการที่ต้องระวัง
8. TDX

10. ERX (Exchange of Real-World Assets)

ERX หรือ Exchange of Real-World Assets เป็นกระดานเทรดดิจิทัลของไทยที่เน้นการซื้อขายโทเคนดิจิทัลที่อิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จุดเด่นของ ERX คือการนำเสนอแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงระหว่างสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงแต่สามารถแบ่งย่อยเป็นหน่วยเล็กๆ ได้ผ่านการทำโทเคไนเซชั่น เช่น อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร หรือหุ้นในธุรกิจต่างๆ
ข้อจำกัดของ ERX คือ ยังมีจำนวนโทเคนให้ซื้อขายไม่มากนักเมื่อเทียบกับกระดานเทรดคริปโตทั่วไป เนื่องจากเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และกระบวนการออกโทเคนที่อิงกับสินทรัพย์จริงมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า อีกทั้งการซื้อขายบางส่วนยังต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัตินักลงทุนตามกฎเกณฑ์ ก.ล.ต. ทำให้อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการความคล่องตัวสูง